Bookmark and Share

9.10.60

วัดทองคินคะคูจิ - Kinkakuji ช่วงใบไม้แดง



วัดทองคินคะคูจิ - Kinkakuji 
ช่วงใบไม้แดง

วัดทองคินคะคุจิ -  Kinkakuji Temple - วัดดังแห่งเกียวโต ที่มีตัวอาคาร Parvillian สีทองอร่าม ตั้งเด่นเป็นสง่า ชื่อว่า "Rokuonji" เดิมนั้น วัดนี้ เป็นที่พำนักของท่านโชกุน อาชิคางะ โยชิมิสึ (Ashikaga Yoshimitsu) ท่านได้ทำมรดกโดยยกที่พักแห่งนี้ของท่านให้เป็นวัดนิกายเซนแห่งสำคัญในเกียวโต เมื่อท่านเสียชีวิตลง 

ตัวอาคารสีทองนี้ ได้รับการบูรณะหลายครั้งจากเหตุไฟไหม้ในสงครามต่างๆ เช่น สงครามโอนิน (Onin) ซึ่งต่อมาก็ได้รับการบูรณะอย่างดีในปี 1950 และเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นในเกียวโต

วัดทองคินคะคุจินี้ สวยสดงามงด ไม่ว่าจะมาเที่ยวหน้าร้อน หน้าหนาวหรือหน้าไหนๆ ก็ตามจะมีความงามที่ไม่เหมือนกัน เชิญชวนให้มาสัมผัสทุกครั้งไป สำหรับรีวิวนี้มาช่วงฤดูใบไม้แดงปลายพฤศจิกายนจะเป็นอย่างไรบ้างไปชมกัน

เวลาเปิดปิด : 9.00 - 17.00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 400 เยน เด็ก 300 เยน
การเดินทาง 
นั่งรถเมล์สาย 12 จากป้าย Shijo Karasuma (ป้ายเดียวกับสถานีรถไฟ Shijo Karasuma) ลงที่ป้าย Kinkakuji-mae หรือ สาย 101, 205 จากหน้าสถานีเกียวโต ลงที่ป้าย Kinkakuji-michi
            

วัดทองคินคะคูจิ - Kinkakuji ช่วงใบไม้แดง

เริ่มตั้งแต่ปากทางเข้าวัด แดงจัดๆ ต้อนรับกันเลย
ตรงสู่ด้านในวัด บริเวณสวนญี่ปุ่น เค้าจะปลูกต้นเมเปิ้ลที่ใบเปลี่ยนเป็นสีแดงจัด ตัดกับความเขียวขจีของต้นไม้ญี่ปุ่น
มีมุมให้เก็บภาพสวยๆ เยอะมาก ต่างคนต่างใช้เวลา ณ จุดนี้กันไปพอสมควรเลย อิอิ

เดินกันจนถึงจุดซื้อตั๋วเข้าชมตัววัดทอง
ราคาตั๋วผู้ใหญ่ 400 เยน เด็ก 300 เยน เปิดทุกวัน 9.00 - 17.00 น.
จากนั้น ตรงสู่ด้านใน ไปยังมุมมหาชน จุดถ่ายรูปฉากหลังเป็นวัดทอง คนเริ่มจะเยอะกันแล้ว
พลับพลาสีทองริมน้ำ อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองเก่าเกียวโต วัดคินคะคุจิแห่งนี้ เป็นวัดในนิกายเซน ตัวพลับพลาทองนั้น เป็นที่ประทับของโชกุนโยคิมิสึ
ภาพสะท้อนกับพื้นน้ำของ สระเรียวโกะ ได้บรรยากาศสวยๆ ช่วงใบไม้แดงไปอีกแบบนึง
มุมสวยๆ น่าถ่ายรูปของใบไม้แดงริมสระเรียวโกะ
ตัวพลับพลาทองนี้ ไม่เปิดให้เข้าไปเดินชมกัน สามารถเดินชมได้เพียงภายนอก มีทั้งหมด 3 ชั้น ชั้นแรกสร้างในแบบ Shinden ด้วยไม้และผนังปูนสีขาว ด้านในมีพระพุทธรูป Shaka และรูปปั้นของโชกุนโยคิมิสึ
ส่วนชั้นที่สอง สร้างในแบบ Bukka เป็นชั้นของซามูไร ผนังด้านนอกปิดด้วยทองคำ ด้านในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป Kannon และจักรพรรดิ 4 องค์
ส่วนชั้นที่สามสร้างในแบบเซน ด้านบนสุดเป็นนกฟีนิกซ์ทอง
มุมสวนญี่ปุ่นเล็กๆ ด้านหลังพลับพลาทอง ช็อตสั่งลาก่อนจะเดินไปชมสวนด้านหลังกันต่อ

จุดชมจากสวนด้านหลัง ยังคงสามารถเห็นพลับพลาทองได้อีกเช่นกัน
แวะโยนเหรียญนำโชคซักหน่อย อธิษฐานกันเลยจ้า
ส่วนใครที่อยากพักขาจิบชาชมธรรมชาติสวยๆ แนะนำกันเลยที่โรงน้ำชา Sekkatei ของทางวัด ได้บรรยากาศญี่ปุ่นแท้ๆ กับชุดน้ำชาเขียวและขนมญี่ปุ่นราคา 500 เยน
จากนั้นก็แวะไหว้พระ กวักควันธูปเข้าหาตัว เพราะชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าเป็นการกวักความโชคดี แล้วก็แวะสั่นกระดิ่งกันด้วย
ก่อนกลับก็แวะอุดหนุนเป็นการทำบุญให้กับทางวัดกันนิดนึงกับเครื่องรางอิคคิวซัง 400 เยน พกไว้จะได้ฉลาดๆ 555