รีวิวพิพิธภัณฑ์รถไฟไซตามะ
Railway Museum Saitama
พาเที่ยว พิพิธภัณฑ์รถไฟไซตามะ (Railway Museum Saitama) พิพิธภัณฑ์รถไฟที่สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปีของ JR East อย่างที่ทราบกันแล้วว่า ประเทศญี่ปุ่น ใช้การเดินทางโดยรถไฟเป็นหลัก มีรถไฟครอบคลุมตลอดทั่วทุกจังหวัด ทุกเมืองทั่วประเทศ โดยเป็นประเทศแรกๆ ในโลกที่มีการใช้รถไฟเป็นพาหนะมาตั้งแต่ยุคโบราณ ตั้งแต่สมัยรถไฟหัวรถจักรไอน้ำจนสุดท้ายพัฒนามาจนถึงรถไฟหัวจรวดความเร็วสูง ชินคันเซนที่โด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวญี่ปุ่นจากทั่วโลกต้องมานั่งกัน สำหรับตัวพิพิธภัณฑ์นั้น สามารถเดินทางมาได้ง่ายๆ ไม่ไกลจากโตเกียว สามารถจัดทริปไปเที่ยวแบบเช้าเย็นกลับได้ (ควบคู่กับการไปเที่ยว Crayon Shin Chan Theme Park ที่อยู่ในไซตามะเช่นเดียวกัน)
วิธีเดินทาง : จากสถานี Ueno นั่งรถไฟ JR Utsunomiya Line หรือ JR Takasaki Line หรือ Shinkansen Tsubasa, Max Toki, Hakutaka, Yamabiko ลงที่สถานี Omiya จากนั้นต่อรถไฟ New Shuttle ลงสถานี Tetsudo Hakubutsukan ออกจากสถานีก็จะเจอกับพิพิธภัณฑ์รถไฟเลย
เวลาเปิดปิด : ทุกวัน 10.00 - 18.00 น. (ปิดทุกวันอังคาร)
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 1,000 เยน / เด็กประถม - มัธยม 500 เยน / เด็กเล็กอนุบาล 3 ปี ขึ้นไป 200 เยน ต่ำกว่า 3 ปี ฟรี
พิพิธภัณฑ์รถไฟไซตามะ (Railway Museum Saitama) |
แผนที่พิพิธภัณฑ์รถไฟไซตามะ (Railway Museum Saitama) |
เริ่มต้นจากสถานี Omiya รอขึ้นรถไฟ New Shuttle ซึ่งเป็นรถไฟสายเล็กๆ สำหรับวิ่งในเมือง |
หน้าตารถไฟ เป็นตู้เล็กๆ ขบวนนึงมีประมาณ 3-4 ตู้ แต่มาบ่อย ทุกๆ 5 นาที ค่ารถไฟสามารถใช้บัตร Suica แปะผ่านเข้าไปได้เลยสะดวกมากๆ นั่งไปแค่ 1 สถานีเท่านั้น |
จากนั้นก็มาหยอดตังซื้อตั๋วกันก่อน สามารถใช้ได้ทั้งเงินสดหยอดซื้อตั๋ว หรือ จะใช้บัตร Suica แปะผ่านทางเข้าพิพิธภัณฑ์ได้เช่นกัน |
หน้าตาตั๋วเข้าพิพิธภัณฑ์ (อันนี้แอดใช้เงินสดซื้อจากตู้) นำตั๋วเข้าหยอดเข้าพิพิธภัณฑ์ (เก็บไว้ด้วยสำหรับคืนตอนขาออก) |
จากนั้นเดินเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์กันเลย พอเห็นปุ๊บก็ต้องร้องว้าวววววว มันยิ่งใหญ่อลังการ ไม่แพ้ที่ยุโรปกันเลยทีเดียว กลิ่นรถไฟนี่มาเต็ม กลิ่นเหล็กผสมน้ำมันเครื่อง 55 |
ส่วนตัวเขียวที่หน้าตาคล้ายๆ กันนี้ คือ Shinkansen Series 200 รุ่นแรกของ Tohoku และ Joetsu Shinkansen ซึ่งในรุ่นปัจจุบันเป็นรถขบวนสีเขียวทั้งขบวน หน้าตาเหมือนเป็ดที่เราคุ้นเคยกัน |
ด้านในของ Series 200 จะเป็นส่วนของห้องโดยสารที่ให้เข้าไปชมได้ นั่งได้ |
มาในส่วนของ D51 Simulator เป็นส่วนของซิมูเลเตอร์ฝึกขับรถไฟรุ่นโบราณผสานกับเทคโนโลยี |
มีหน้าจอให้เห็นเสมือนจริงว่า เรากำลังขับผ่านเส้นทางไหนบ้าง น่าสนใจมากๆ คนเยอะเช่นกัน |
จากนั้น ก็มาเดินชมหัวรถจักร รถไฟขบวนอื่นๆ ในมิวเซียมกันต่อ สำหรับตัวนี้ คือ Locomotive No. 1 (class 150) ให้บริการในเส้นทางระหว่าง Shimbashi (ในโตเกียว) และ Yokohama ผลิตจากประเทศอังกฤษ ในปี ค.ศ.1871 |
หลังจากปี ค.ศ.1950 ก็เริ่มมีรถไฟ Electric Locomotive ใช้ได้กับระบบ AC และ DC ทำให้วิ่งได้ระยะทางที่ไกลขึ้น ในรูปเป็นรถไฟขบวน Locomotive ED 75 |
รถไฟขบวน Series 485 Electric Multiple และแบบ limited express ซึ่งเป็นรถไฟแบบ Electric Locomotive เช่นเดียวกัน |
ด้านในของรถไฟในส่วนของห้องคนขับ |
ห้องโดยสาร |
ตัวอย่างของชานชาลาสมัยก่อน |
เดินดูชั้นล่างจนทั่วแล้ว ก็ขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้น 2 กัน ชมวิวสวยๆ ของมิวเซียมกันชัดๆ ดูยิ่งใหญ่อลังการมาก |
บนชั้น 2 นี้ จะเป็นส่วนของพิพิธภัณฑ์โมเดล (Collection Zone) ที่จัดแสดงรถไฟทุกรุ่นของญี่ปุ่น ตั้งแต่อดีต - ปัจจุบัน พร้อมประวัติ เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ.1825 |
จากนั้นก็เข้าไปชม Railway Model Diorama เป็นการแสดงโชว์รถไฟโมเดลจำลองที่แล่นได้จริง พร้อมแสงสีเสียง ธีมในเมือง ป่าเขา จัดแสดงวันละ 2 รอบ คือ 10.15 และ 13.00 น. |
จบจากโชว์ ก็ลงไปชมส่วนอื่นๆ กันต่อที่ชั้นล่าง ก่อนจะถึงทางออกด้านหลัง จะมีห้องจัดแสดง Super Express Series 0 Shinkansen ในส่วนของห้องโดยสาร |
ขบวน Hikari 1 ไป Shin-Osaka |
ที่นั่งของรถไฟขบวนนี้ จัดแบบ 2-3 กว้างๆ เท่ากับไซส์ของชินคันเซนในปัจจุบัน |
คนญี่ปุ่นขึ้นมานั่งกันเต็มเลย เหมือนจริงมาก 55 |
จากห้อง Series 0 เดินไปด้านหลัง ในส่วนของ Teppaku Playground ซึ่งเป็นโซนเครื่องเล่นกลางแจ้ง ที่มีตู้รถไฟของเล่นสำหรับเด็กเล็ก ที่นี่ยังมีร้านขายข้าวกล่องสถานีรถไฟที่ไม่เหมือนใคร |
ข้าวกล่องสถานีรถไฟที่มีกล่องข้าวเป็นรูปรถไฟรุ่นต่างๆ ขายดีกันตั้งแต่มิวเซียมเปิด แอดไปตอนบ่ายเหลืออยู่ 3 แบบ แป่ววว |
เลยถ่ายรูปมากฝากละกัน ใครอยากได้ รีบมาแต่เช้านะ 555 น่ารักม้วก |
จัดเป็ดเขียวไป 1 กล่องดีมาก แต่ข้าวออกจะเย็นๆ หน่อยนะ |