Bookmark and Share

24.5.60

รีวิวเทศกาลหิมะซัปโปโร - Sapporo Snow Festival


เทศกาลหิมะซัปโปโร 
Sapporo Snow Festival

เทศกาลหิมะซัปโปโรครั้งที่ 67 (Sapporo Snow Festival) ที่ผ่านมา งานนี้จัดขึ้นทุกปีประมาณช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ สำหรับปี 59 ที่ผ่านมานั้น จัดระหว่างวันที่ 5 - 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สำหรับใครที่วางแผนจะไปปีหน้านั้น แนะนำเข้ามาอ่านกันเลย เทศกาลนี้เป็นเทศกาลใหญ่ที่สุดของเมืองซัปโปโร โรงแรมที่พักและตั๋วเครื่องบินมักจะเต็มกันรวดเร็วมาก แนะนำในจองที่พักล่วงหน้าและซื้อตั๋วเครื่องบินอย่างน้อย 6 เดือน ไม่งั้นพลาดได้ง่ายๆ

เทศกาลหิมะซัปโปโร -  Sapporo Snow Festival

โปสเตอร์งานประจำปีนี้ ปกติแล้วกำหนดการจัดงานจะออกล่วงหน้าประมาณ 6 เดือนเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มีเวลาเตรียมตัวล่วงหน้า

งานเทศกาลหิมะนี้ จะจัดขึ้น 3 site หลักคือที่ Odori, Susukino และที่ Tsu Dome
แนะนำ 2 ไซต์แรกที่ห้ามพลาดเด็ดขาด ส่วนไซต์ที่สามนั้น ไม่จัดแสดงรูปแกะสลักแต่เป็นส่วนสไลเดอร์น้ำแข็งขนาดยักษ์และลานสเกต
แผนที่บริเวณจัดงาน Odori Site แนะนำให้นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสาย Nanboku Line ลงที่สถานี Odori exit 26 จะออกทางหอ Sapporo TV Tower จากนั้นเดินไล่มาตามแผนที่เส้นทางสีน้ำเงิน (เค้าจะจัดทางเดินเป็น one -way) จากนั้นกลับเส้นทางสีแดง

การมาเที่ยวงานนี้ แนะนำให้มาประมาณวันที่ 3-4 หลังจากวันแรกของการจัดงาน เพราะรูปแกะสลักบางแห่งยังไม่เสร็จสมบูรณ์ เลือกวันที่อากาศดี ฟ้าใส (บางวันจะมีหิมะตก อากาศจะหนาวเย็นมาก เดินไม่สนุก) หลังจากออกจากทางออก 26 ขึ้นมาจะเจอลานสเกตหน้า Sapporo TV Tower เป็นลานเล็กๆ เสียค่าเข้าเล่นเล็กน้อยและคิวไม่ยาวมาก

บริเวณ Odori Site จะมีงานแกะน้ำแข็งเล็กน้อย ถ้าอยากชมเยอะๆ แนะนำให้ไปที่ Susukino Site ตอนกลางคืน

คนเยอะทีเดียว มาถึงประวัติของการจัดงานนี้กันบ้าง งานนี้ ชาวญี่ปุ่นเรียกว่า Sapporo Yuki-matsuri เริ่มจัดครั้งแรกในปี 1950 จากกลุ่มนักเรียนไฮสคูลชาวญี่ปุ่นที่ปั้นหิมะที่สวนโอโดริแค 2-3 ตัว หลังจากนั้น ก็เริ่มเป็นที่นิยมและจัดงานเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตขึ้นเป็นประจำทุกปี

บริเวณจัดงาน Odori Site นี้ จะมีการจัดแสดงรูปปั้นขนาดใหญ่จากหิมะตลอดความยาว 1.5 km ตามแนวยาวของสวนโอโดริ แต่ละจุดก็จะมีเวทีด้านหน้าสำหรับจัดแสดง และจัดกิจกรรมต่างๆ เช่นการเต้น เกมส์โชว์ การแสดงจากนักเรียน ฯลฯ ด้านบนนี้เป็นรูปรถไฟ Shinkansen สายใหม่ที่จะเปิดวิ่งจากฝั่งเกาะฮอนชูลอดใต้ทะเลมายังเมือง Hakodate ในวันที่ 26 มีนาคม 59 คนญี่ปุ่นเค้าโปรโมทและสนใจกันมากๆ

ตรงกลางสวนจะมีสโลปสกีขนาดใหญ่ สำหรับการจัดแข่งขันสกีผาดโผนของนักเรียนญี่ปุ่น แต่ละคนก็ฝีมือเทพๆ ทั้งนั้น แนะนำให้แวะชม


ถัดมาเป็นรูปแกะสลักหิมะไฮไลท์ของงานปีนี้ ผลงานนี้มีชื่อว่า "Attack on Titan"

ผลงานชิ้นต่อไปจากประเทศไต้หวัน มีชื่อว่า "Queen's Head and the Pingxl Sky Lantern Police Box"

ผลงานต่อไปที่สวยงามมากๆ จากประเทศมาเก๊า ได้แก่ ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอลล์ (Ruins of St.Paul's)

ส่วนจุดนี้ คือ The Winter's Tale in Sapporo

ระหว่างทางเดินในจุดต่างๆ จะมีร้านค้าขายของมากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นร้านขายอาหาร

มีให้เลือกเยอะมาก สามารถทานอิ่มได้เลย ไม่ต้องไปหาร้านข้างนอก ไม่ว่าจะเป็นราเมง เกี๊ยวซ่า ไก่ทอด

อาหารทะเลเฝา ราคาเท่าตลาดปลานิโจ

ขาปูนึ่งร้อนๆ

ไก่ทอดคาราเกะ ลูกชิ้นขาปู

ชีสสติ๊ก ไส้กรอก เฟรนซ์ฟรายด์

กล้วยหอมเคลือบช็อคโกแลต

เกาลัดคั่วร้อนๆ เกาลัดลูกใหญ่ประมาณมะนาวบ้านเรา

นอกจากของกินแล้ว ยังมีของที่ระลึกด้วย ซุ้มนี้เป็นตุ๊กตารัสเซีย มีสาวรัสเซียมาขายด้วยตัวเองเลย

ของที่ระลึกจากงานเทศกาลหิมะ

แสตมป์สวยๆ น่าสะสมมาก

ไปชมกันต่อกับเทศกาลหิมะ นอกจากรูปปั้นหิมะขนาดใหญ่แล้ว ตามทางเดินและลานกว้างของสวนโอโดริจะมีรูปปั้นขนาดเล็กมากมายให้ชม


ส่วนใหญ่จะเป็นการ์ตูน และอนิเมะ


หรือไม่ก็สถานที่สำคัญต่างๆ ในญีปุ่น

อังปังแมน

คนเยอะทีเดียว เวลาเดินต้องระวังลื่นกันด้วย เพราะหิมะจะละลายเป็นน้ำแข็ง พอเหยียบซ้ำจะลื่นได้ง่ายๆ

Ultraman

Snoopy

สูรน้อคิทาโร่


แก๊งดิสนีย์


เวทีรถไฟชินคันเซน

ดินกันไปจนสุดถึงเวที Dragon Ball เวทีนี้จะมีการแสดงของนักเรียนสาวชาวญี่ปุ่น ออกมาเต้นกัน คนเยอะมาก

เดินไปจนสุดทางจะถึบริเวณที่เค้าจัดแข่งขันแกะสลักหิมะประจำทุกปี

มีทีมร่วมเข้าแข่งขันจากทั่วโลกรวมทั้งทีมไทยด้วย

ตอนนี้ ผู้เข้าแข่งขันกำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม้น


บางทีมก็ทำเกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว

งานของทีมไทยปีนี้ ปั้นเป็นรูปหนุมาน จะเห็นได้ว่า เค้าจะเตรียมโมเดลจำลองขนาดเล็ก แล้วแกะสลักตาม (มีแบบนี้ทุกทีม)

มังกรสวยๆ ผลงานจากทีมมาเก๊า

คลื่นยักษ์จากประเทศอินโดนีเซีย

สวยแบบเรียบๆ จากประเทศฮาวาย

ผลงานจากทางมาเลเเซีย

และผลงานที่ได้ที่ 1 ปีนี้จากประเทศ Latvia (ที่ 2 ได้แก่ มาเก๊า ที่ 3 อินโดนีเซีย ที่ 4 ฮาวายและที่ 5 ประเทศไทย) การแข่งขันนี้จะเสร็จสมบูรณ์และประกาศผลประมาณวันที่ 4 นับจากวันที่เริ่มงานวันแรก ใครอยากมาเห็นแบบเสร็จสมบูรณ์ก็วางแผนกันดีๆ

จากนั้นก็เดินย้อนกลับกัน เส้นทางขากลับคล้ายๆ กับทางเดิม แตกต่างกันเล็กน้อยตรงที่มีลานสไลเดอร์หิมะสำหรับเด็กเล็กและรูปปั้นหิมะขนาดเล็ก สำหรับสไลเดอร์หิมะขนาดใหญ่ให้ขึ้นรถบัสที่มีบริการรับส่งไปยัง Tsu Dome Site (ค่ารถเที่ยวละ 270 เยน) จุดขึ้นรถอยู่ที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน Odori exit 6 มีรถออกตลอดๆ

ใครที่ชมภาคกลางวันแล้ว (ใช้เวลาเดินไม่เกิน 2 ชั่วโมง) แนะนำให้จัดทริปเที่ยวชม หอนาฬิกาซัปโปโร (Saporo Clock Tower) และ ที่ทำการรัฐบาลฮอกไกโดเก่า (อาคารอิฐแดง) ในช่วงบ่าย ซึ่งทั้งสองที่สามารถเดินไปได้ไม่ไกลจากสวนโอโดริ

จากนั้นตอนเย็นๆ ค่ำๆ แนะนำให้ขึ้นชมวิวจาก Sapporo TV Tower และเดินเล่นเชมเทศกาลหิมะในภาคกลางคืน สวยงามไม่แพ้กลางวัน

หกโมงเย็นหน้าหนาวนี่ก็มืดกันแล้ว บริเวณที่เป็นรูปแกะสลักน้ำแข็งจะมีการเล่นสีไฟกัน



ส่วนเวทีใหญ่ที่เป็นหิมะแกะสลักแต่ละจุด จะมีการแสดงแสง สี เสียง ให้ชมกันตลอด การแสดงจะใช้เวลาประมาณ 3 นาที และพักแป๊บนึง สลับไปเรื่อยๆ จนถึงดึก






ของมาเก๊านี่ทำได้ยิ่งใหญ่มาก ทุกๆ ปีแต่ละประเทศที่ได้รับเชิญก็จะจัดแสดงอย่างยิ่งใหญ่เพื่อเป็นการโปรโมทให้กับนักท่องเที่ยวที่มาชมงานเทศกาลหิมะ ที่ปีนึงมีคนมาเยือนเกือบ 2 ล้านคน


ของดราก้อนบอลนี่แสดงไฟเฉยๆ ไม่มีแสงสีเสียง

ชินคันเซน ข้ามมายังเกาะฮอกไกโด ความภูมิใจของชาวญี่ปุ่น


สำหรับใครที่ยังมีแรงต่อ แนะนำไปเที่ยวชมกันต่อที่ย่าน Susukino นั่งรถไฟฟ้าสาย Namboku Line ไปอีก 1 ป้าย ลงสถานี Susukino exit 3

จุดจัดงานจะเริ่มตรงทางออกนี่เลย ตรงป้าย Nikka (Nikka Whisky เป็นป้ายโฆษณาเหล้าที่ถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญของย่านนี้)

Susukino Ice World จะจัดขึ้นตลอดความยาวของถนนที่นี่ เป็นการจัดแสดงการแกะสลักน้ำแข็ง

บรรดาสปอนเซอร์ร้านอาหารจะออกมาแกะสลักโชว์ปลาน้ำแข็งกันด้วย (ตอนละลายคงมีคนมารอเก็บปลากันอยู่ 555)

มีการเล่นสี เล่นไฟกันเล็กน้อย


ใครมาเที่ยวทีนี่แล้ว ก็อย่าลืมแวะจิบเบียร์ซัปโปโรกัน


ชมกันเสร็จก็แวะเที่ยวผับบาร์ ร้านอาหาร ตรอกราเมง หาของกินได้มากมายที่ย่านซูซูกิโนะกันต่อเลย