Tsukiji Sushi Zen

Tsukiji Sushi Zen

หลังจากเที่ยวชม ตลาดปลา Tsukiji กันแล้ว ก็ได้เวลาไปหม่ำซูชิสดๆ กันที่ร้าน Tsukiji Sushi Zen ร้านนี้หาไม่ยากเลย เริ่มต้นจากทางออกรถไฟฟ้า A1 เมื่อกี้ แทนที่จะเลี้ยวซ้ายเข้าตลาดก็ให้เลี้ยวขวาแทน แล้วเดินตรง

ผ่านเจ้าปี๊ม 2 ปั้มนี้

แล้วเลี้ยวเข้าซอย ก็ขายพวกอาหารทะเลสดแบบแพ็คอีกเพียบ

เดินตรงเข้าไปในซอยเรื่อยๆ ข้ามสะพานเล็กๆ ไปก็จะเห็นร้านอยู่ด้านซ้ายมือ นั่น เค้ากำลังมุงอะไรกันอยู่อ่ะ

แล้วก็ถึงบางอ้อ พรีเซ็นเตอร์สาวของร้าน ก็ออกมาถือป้ายโฆษณาว่าวันนี้เวลา 11 โมงจะมีการแล่ปลาทูน่าโชว์ อะไรจะโชคดีขนาดนั้น เมื่อเช้าเพิ่งจะดูไปแหม่บๆ

ยังพอมีเวลาอยู่ก็เลยเข้าไปกินกันก่อน

บรรยากาศภายในร้าน

มีแบบนั่งโต๊ะ

แล้วก็แบบนั่งเคาน์เตอร์

มัวรีรออะไรกันเล่า เอาเมนูมาสั่ง ชี้เหมือนเดิม

เชฟก็ปั้นกันสดๆ

มาแล้วๆ ปลามากุโระสดๆ

ชิ้นนี้ โอโทโร่ เนื้อปลาทูน่าชั้นดี แทรกซึมไปด้วยไขมันปลาทั่วชิ้น แหล่งรวมโอเมก้า 3 เพิ่มความฉลาดให้สมอง (นิดนึงก็ยังดี 555) กำลังจะเข้าปาก

หน้าไข่หอยเม่น ร้านนี้สดที่สุด ไร้กลิ่นคาว แต่รสหวานอร่อย จนต้องยกนิ้วให้

หน้าไข่ปลาแซลมอน สีส้มสดใสแบบล้นๆ

อร่อยกันแล้วก็ได้เวลาโชว์ พิธีกรของร้านก็ออกมาประกาศ

นักท่องเที่ยวมุงดูกันล้นหลาม

ปลาทูน่านอนอ้าปาหวอ รอเชือด

เริ่มจากลงมีดประหาร ตัดหัวก่อน (โหดไปมั้ยเนี่ย)

จากนั้นก็ลงมือแล่ส่วนตัว เริ่มจากผ่าด้านบน

แล้วก็เซาะใต้ท้อง



ตัดครีบออก

แล้วก็ค่อยๆ แซะมันออกมา

ช่วยกันคนละไม้คนละมือ

เตรียมยกใส่ไม้กระดาน

เอามาวางด้านหน้าร้านอีกที ปลาทูน่านี่ มีหลายส่วน เพื่อป้องกันการสับสนขออธิบายคร่าวๆ ดังนี้
ปลาทูน่า เรียกว่า ปลามากุโระ
เนื้อส่วนสีแดง เรียกว่า อะกะมิ
เนื้อส่วนท้องที่มันน้อย เรียกว่า ชูโทโร่
และเนื้อส่วนท้องที่มันเยอะๆ เรียกว่า โอโทโร่ (แพงสุดเลยส่วนนี้ เพราะจะมีเฉพาะปลามากุโระที่ตัวใหญ่ๆ น้ำหนักตั้งแต่ 100 กิโลกรัมขึ้นไปเท่านั้น)

แล้วเชฟใหญ่ของร้านก็เริ่มลงมีด

ท้องส่วนหน้าที่ติดกับหัว

ยกออกมา

ได้แล้ว

กับเนื้อส่วนที่แพงที่สุด "โอโทโร่"

แล้วก็เริ่มหั่นชิ้นอื่นๆ ต่อ ดาบพี่แกสุดยอด

ได้มาแล้วกับส่วนที่สอง

ส่วนของ อะกะมิ และ จูโทโร่

ดูรีวิวกันซะอิ่มหนำ ก็ได้เวลาออกเดินทางไปยัง Tokyo Disneysea
กลับสู่หน้าหลัก